"ฟรีด้อมเทรดเดอร์"

"ฟรีด้อมเทรดเดอร์"
"การเดินทางของ Commodity Trader กาแฟสักแก้ว และก็กางเกงใน -- สำหรับโกยเงิน และสร้างความนิ่ง"

คุยกับเราใน Facebook (คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกัน สำหรับคนที่มี Facebook)

คุยกับเราใน Facebook (คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกัน สำหรับคนที่มี Facebook)
เป็นเพื่อนกัน (click เลย)... "เข้าสู่โลกของ Monkey Trade กันคร้าบ!!"

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

คุยกับ "ป๋าหยง" โดย "ภาววิทย์" ตอนที่ 1 (เขาว่าผมเป็นมืออาชีพ)

ที่มา : "เริ่มมา หลายๆคน คงสงสัยว่า ทำไมต้องเรียก "ป๋าหยง" (เอาหละ ผมจะเล่าให้ฟัง)"

กาลครั้งหนึ่ง(นานมาแล้ว) นายภาววิทย์ ก็ไปเจอ Trader คนนึง(ที่มันทำตัวลึกลับ..ขนาดเอาภาพหมีแพนด้ามาใส่ Facebook มันจะลึกลับไปถึงไหน!!) ...
Trader ลึกลับ (พูดขึ้นว่า) "ไง..ป๋าแพ้ท" มันทำให้ผมสวนไปว่า "ไงล่ะ..ป๋าหยง ...ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
...สรุปต่างคน ก็เลยกลายเป็น "ป๋า" แต่นั้นมา (งง) ไปหมด...ไร้สาระจริงๆ ฮ่า ฮ่า

เข้าเรื่องเลยดีกว่า "ผมไปเจอหนังสือการ์ตูน เล่มนึงที่เขียนโดย คนสิงค์โปร์คนนึง มันเป็นคล้ายๆกับ Life Journey ที่ถ่ายทอดลายเส้น มาเป็นการ์ตูนสะท้อนชีวิต ของคนธรรมดาๆ อายุราว Gen Y (อายุ 30 ลงมา) ซึ่งขายดีมาก"

ประเด็นที่น่าสนใจมันอยู่ที่ "หนุ่มคนหนึ่งต้องการเดินตามความฝันของตัวเอง" (ไม่ต้องการอยู่ภายใต้ กรอบแคบๆของชาวสิงค์โปร์ที่ถูก ขีดเอาไว้ โดยท่านผู้นำ "ลี กวน ยู") ..จริงๆ หลายๆคนอาจมองว่า แล้วชีวิตที่เขากำหนดเส้นทางให้เดินแล้วมันไม่ดีตรงไหน!! (จะว่าไปมันก็ดีนะ มันก็ย้อนกลับไปสมัยเรียนประถมใหม่ๆ ที่ทุกคนต้องแต่งตัว เหมือนกัน ทรงผมเดียวกัน เรียนเหมือนกัน ...มันก็มีบางคนที่ทำได้ ภายใต้ความเหมือนนะ)

บางคนเรียนได้ดี ได้เก่งในโรงเรียน แต่พอออกมาข้างนอก กลายเป็น "หนังคนละเรื่อง" (จากชีวิตสุดเท่ห์ในกรอบของโรงเรียน กลายมาเป็นหนังอินเดีย วิ่งไปร้องเพลงไป แถมร้องไห้ไป "แม่งตกงาน แฟนทิ้ง" ไทรโศกสุดๆ"

ประเด็นคือ ถ้าเราไม่ต้องการอยู่ในกรอบที่ "ป๋า ลี กวน ยู เขียนเอาไว้ คุณจะทำอย่างไร" (ลี กวน ยู) เป็นตัวอย่างเฉยๆ เพราะทุกประเทศในโลก มีกรอบของความกดดัน ที่สังคมขีดเอาไว้เสมอ "เรียนดี มหาลัยดัง งานในองค์กรใหญ่ๆ บ้านแบบ Modern ๆ และก็รถเท่ห์ๆ นาฬิกาหรูๆ กระเป๋าแพงๆ แถม Dinner และก็พักผ่อนแบบธรรมชาติสุดๆคืนละแสนกว่าๆ ที่ "ศรีพันวา"

สรุปว่า "มึงทำทุกอย่าง อย่างหนัก เพื่อที่จะสามารถผ่อนคลาย ในชีวิตที่เรียบง่ายอย่าง "ศรีพันวา" ที่ต้องจ่าย หนึ่งแสน (คำถามคือ เพื่ออะไรวะ!!)"

มันเป็นเรื่องของ "Investment Banker" กับ "คนหาปลา" ซึ่งเริ่มจากการ ชักชวนให้คนหาปลาไปใช้ชีวิต ต่อสู้ ผ่าฝัน เพื่อที่จะได้สร้างกิจการให้ใหญ่โต เป็นบริษัทหาปลาที่ยิ่งใหญ่ (ประมาณว่าเข้าตลาดหลักทรัพย์ใหญ่มากๆ) นายธนาคารก็วาดฝันให้ "คนหาปลา" เห็นว่า การทำงานหนักจะทำให้เขาได้อะไรบ้าง จนมาถึง จุดสุดยอด The Ultimate Goal "ก็คือ Financial Freedom การที่เราไม่ต้องทำงานอีก วันๆก็สามารถทำอะไรก็ได้ที่เราอยากทำ อาทิเช่น นั่งตกปลา" ---สรุปไอ้นายธนาคารมัน พา Idea ของคนหาปลา วิ่งไปรอบภูเขา แล้วกลับมาที่จุดเดิม (มึงบ้าไปแล้ว!!)

"สรุปว่า Ultimate Goal คือสิ่งที่ผมชอบ (นั่นก็คือ การตกปลา) ..แล้วตูจะเหนื่อยไปทำซากอะไร ในเมื่อวันๆตู ก็ทำในสิ่งที่ชอบอยู่แล้ว" ในที่สุด คนหาปลา ก็เตะตูดไอ้นายธนาคารแล้วบอกว่า "มึงไปไกลๆกูเลย!!"

ประเด็นมันเลยย้อนกลับมาที่ "ป๋าหยง" ...จากย่างก้าวที่ผมเดินมาเจอ Trader ลึกลับ คนนี้ก็ได้สัมผัสความไม่ธรรมดา ..ในขณะที่นายธนาคารอย่างผมกินเงินเดือนธนาคาร แต่ "ป๋าหยง" กินเงินตัวเอง (เอ๊ะ!! แล้วกินเงินธนาคาร กับ กินเงินตัวเอง ยังไง ๆ ไม่รู้ล่ะ ให้ "มีกิน"ก่อนอย่างแรก.. อิ อิ)

(ป๋าหยง ถึงกับพูดว่า "ชีวิตของคนสมัยนี้ มันเป็นอะไรที่ซับซ้อน นั่นเพราะเราทำให้มันซับซ้อนหรือเปล่า ...วันนี้เราวิ่งหา เงินมากๆ เพื่อที่จะใช้ ได้มากๆ ในขณะที่การเป็นคนไทย คุณสามารถอยู่โดยไม่ต้องใช้เงินสักบาทก็ได้" .....ถูกแล้ว ป๋าหยง ไปบวช ในวัดป่า มันทำให้รู้ว่า การใช้ชีวิตแบบไม่มีอะไร มันก็อยู่ได้ แต่ความต้องการของเราต่างหาก ที่เป็นตัวผลักดันให้เราเดินในทางที่ยากเกินไป(รึเปล่า) "ท้ายสุดความยาก หรือง่าย มันไม่ใช่สังคมเป็นตัวกำหนด (คุณเองต่างหากที่เป็นตัวกำหนด)) ..."พูดจบประโยค ป๋าหยง ก็เดินไปแปรงฝัน"

Trading Platform ของ "ป๋าหยง" ไม่ใช่อื่นไกล "มันก็คือห้องนอนของป๋าหยงนี่เอง" (หลายคนเสียเวลากว่า 2-3 ชั่วโมง เดินทางไปทำงาน ในขณะที่บางคน ใส่ชุดนอนก็ทำเงินได้) ฮึม!! น่าสนใจ... "และแล้ว ป๋าหยง ก็เดินไปแปรงฝันอีกรอบ" (ที่บอกว่าแปรงฝันได้หลายรอบ ไม่ใช่เพราะปากเหม็น แต่ผมจะโชว์ให้เห็นว่า "มันสบายเพียงใด" หากคุณเดินออกจากกรอบที่สังคมขีดไว้แล้วสามารถอยู่ได้ !!)

การ Trade หุ้นและ Commodity ในมุมของป๋าหยง มีหลายระดับ

1. Survive คือ เอาตัวรอดอยู่ได้ "นั่นคือ คุณต้องมีระเบียบ มีแบบแผนการ Trade ที่ชัดเจน ..มีกลยุทธ์ และวิธีการเข้าออก.. รวมทั้งการ Cut lost ที่ชัดเจน (ไม่ใช่อย่างที่ แมลงเม่า ในตลาดบ้านเราเล่นกัน เวลาขึ้นขาย เวลาลง Hold ต่อไป "จนตาย" ) คือ ถ้าคุณ Trade หุ้นเป็นเรื่อง ขำขำ คงจะไม่แปลกที่คุณสามารถ Hold till you dead ได้ ..แต่สำหรับคนที่ Trade หุ้นเป็นอาชีพ คุณไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ (เพราะนี่คืออาชีพของคุณ)
...ในมุมมองของ Full-Time Trader ที่สามารถ Survive ในตลาดได้ จะเข้าใจเหมือนกันว่า "เงินหรือ Port " มันไม่ใช่เงินของเรา แต่มันคือ อาชีพ (Career ) ดังนั้น เงินที่อยู่ใน Port ในมุมมองของป๋าหยงนั่น มันเป็นเพียงตัวเลข ซึ่งหน้าที่ของ Trader ก็คือ การ Grow Port แล้วสามารถที่จะดึงเงินบางส่วน มาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ....."ดังนั้น เงินจริงๆของคุณ มันคือเงินที่ สามารถเปลี่ยนเป็นความสุขในชีวิต --- มันไม่ใช่ตัวเลขในบัญชี" --งั้นสรุปได้เลยว่า ประเด็นที่สำคัญที่สุดในขั้นแรกของการเป็น Trader มืออาชีพ ก็คือ "คุณต้อง Cut Loss เป็น และคุณต้องทำมันอยู่เป็นประจำ เพราะไม่มีใครเล่นหุ้นได้กำไรตลอด..ถ้าไม่เข้าใจจุดนี้ อย่าริิอาจเล่นหุ้น ให้ไปซื้อเต้าฮวยมากิน อร่อยกว่า.. อิ อิ"

2. Growth ก็คือ ช่วงที่คุณสามารถ Survive ในตลาดได้แล้ว จากนั้นคุณก็จะ Develop Style การลงทุนเฉพาะตัวขึ้นมา (จุดนี้ให้นึกถึง นักกีฬาอาชีพ คือ ในที่สุดความเก่ง มันเกิดจากองค์ประกอบหลายๆอย่างเข้าด้วยกัน ...แต่สิ่งสำคัญที่สุด ของ Professional ก็คือ "การฝึกฝนอย่างหนัก") การที่ Tiger Woods สามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักกอล์ฟอันดับหนึ่งของโลก มันไม่ได้เกิดจากการนั่งดูวิดีโอกอล์ฟ หรือ อ่านหนังสือวิธีเล่นกอล์ฟ พออ่านไปหลายๆเล่มหน่อยก็นึกว่า ตัวเองสามารถตีเก่งมาก ..แต่พอไปตีกอล์ฟจริง "ห่วยแตก" ...นี่แหละนักลงทุนในตลาดทั่วไป ที่คิดว่าตัวเองเก่ง "ในที่สุดตลาดมันจะค่อยๆสอนคุณเอง" ...ในช่วง Growth เป็นช่วงที่คุณเติบโตในอัตราเร่ง ซึ่ง wealth โดยเฉลี่ยของ Trader ที่ประสบความสำเร็จ จะมี Port ไม่ต่ำกว่า "ร้อยล้านบาท" (ถ้าผมจะพูดให้ชัดๆก็คือ Trader เก่งๆทุกคนในขั้น Survive เริ่มจากเงินหลักแสนเท่านั้นเอง จนกลายมาเป็น หลักร้อยล้านในช่วง Growth " Ohh !! My God ++ คุณว่าผมพูดเล่นรึเปล่า!!")

3. Wealth ก็คือ "ช่วงแห่งความมั่งคั่ง" (หรือเรียกง่ายๆว่า ช่วงหาปลา เหมือนที่คนตกปลา ได้เตะตูด นายธนาคารอย่างที่ผมเล่านั่นแหละ) ถึงจุดนี้ คนที่ Grow Port เข้าสู่ระดับนี้ได้ จะเลิกยึดติดกับเงิน เพราะมันก้าวผ่าน จุดของ Rat Race มานานแล้ว ...จุดของ Wealth มันแทบไม่เกี่ยวข้องกับการ Trade อีกเลย แต่มันเป็นการวางเงินในลักษณะของเชิงโครงสร้าง "จุดนี้คือ การเลือกกระจายความเสี่ยงของ Wealth ออกไปอยู่ใน Asset ต่างๆ ซึ่งประกอบไปด้วย Real-estate , Stock , Gold และ ตราสาร รวมทั้ง Financial instrument ต่างๆ (ขั้นนี้ ศาสตร์ในการวางเงิน เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด)

การที่เราได้อ่านหนังสือของ Warren Buffet หรือ George Soros แล้วพยายามทำตาม จริงๆแล้ว มันเป็นคนละประเด็น ..หลักการของนักลงทุนใหญ่ๆจะต่างกับเรามาก เพราะเขามองในเชิงโครงสร้าง "มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ Buffet จะสามารถเล่นหุ้นอย่างที่เราเล่น" ยกตัวอย่างตลาดบ้านเรา ถ้า Buffet ต้องการเล่นหุ้นจริง ผมว่า มีหุ้นอยู่ไม่ถึง 10 ตัว ที่ Buffet สามารถซื้อ แล้วไม่ทำให้ราคาหุ้นพุ่งติดเพดาน (หรือพอขายแล้วไม่ทำให้หุ้นติด Floor) ...ที่ว่า 10 ตัว จริงๆแล้ว อาจจะไม่มีด้วยซ้ำ เพราะ Port ของ Buffet ใหญ่กว่าตลาดหุ้นไทยทั้งตลาดเสียอีก "คุณเห็นหรือยังว่าตลาดเราเล็กเพียงใด ในมุมมองของ Financial !!"

แต่ใครเคยคิดไหมครับว่า "ในเชิง Financial ซึ่งตลาดเราเล็กมากๆ แต่ในเชิงทรัพยากร และจำนวนคน (เกือบ 70 ล้านคน ส่งออกข้าว และยางพารา อันดับหนึ่งของโลก) ...คุณคิดให้ดีว่า มูลค่าที่ฝรั่งมันให้กับประเทศเรา กับ มูลค่าที่แท้จริง มันต่างกันสุดขั้ว"

(เมื่อ ป๋าหยง และ ภาววิทย์ สนทนาธรรมกันเสร็จ เราก็ออกไปหา ก๋วยเตี๋ยวกิน) ฮ่า ฮ่า ฮ่า

6 ความคิดเห็น:

  1. อยากเห็นสเต็ปการเทรดของป๋าหยงจริงๆเลย ทำไงดี... จะเหมือนนายBNFโอตากุญี่ปุ่นคนนั้นรึป่าว ที่นิ้วระรัวกดยิกๆๆๆ ขั้นเทพ

    ตอบลบ
  2. ยอดเยี่ยมจริงๆครับ อยากทำได้บ้าง

    ตอบลบ
  3. ผมไม่ได้เทรดเร็วอะไรขนาดนั้นครับ. จะพยายาม identify trend ให้ได้เสียก่อน แล้วจึง trigger

    ส่วน trade setup ผมไม่มีอะไรมากครับ. ดู trend แล้วก็ตามระบบ ได้บ้าง-โดนบ้าง

    ป๋าหยงเอง

    ตอบลบ
  4. ป๋าหยง นี่มันถ่อมตัว แถมลึกลับจิงๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

    ตอบลบ
  5. นิ่งสุดๆครับ จะเป็น Geroge soros ภาค ป๋า หยง แล้วครับ บุคคลสำคัญระดับชาติ

    ตอบลบ


ภาพใหญ่ของ Commodity ตัวต่างๆ

Port จำลอง ( "Trader ลึกลับ หยง" & "Investor หมัดเมา Pat")

Port จำลอง ( "Trader ลึกลับ หยง" & "Investor หมัดเมา Pat")
นี่เป็น Port ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทดลอง ความสามารถในการ Trade ทำกำไรจากตลาด Commodity (น้ำตาล No.11) ซึ่งแน่นอนเป็นการวัด Performance ในระยะยาว ซึ่งเราจะ Update มาใน Link ให้ดูเรื่อยๆครับ

ย้อนรอยตลาดหุ้นไทย 20 ปี "แห่ง Roller Coaster!!"