วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553
คุยกับ "ป๋าหยง" โดย "ภาววิทย์" ตอนที่ 5 (คุณนับ Wave เป็นไหม!!)
ภาววิทย์ : Elliot Wave หลายคนสงสัยว่า "มั่ว!!" ไหนป๋าหยงช่วย ไขข้อข้องใจหน่อย
ป๋าหยง : Wave นี่มันไม่ได้มีอะไรซับซ้อน..จริงมันใช้เป็นเครื่องมือในการอ้างอิงการขึ้นลงของราคาหุ้น เพราะจริงๆแล้ว ถ้านับผิดมันก็เปลี่ยนไปนับใหม่!!
ภาววิทย์ : อ้าว!! อย่างนี้ก็ไม่มีผิด ซิป๋า เพราะผิดก็เปลี่ยนนับใหม่ (งง จัง)
ป๋าหยง : ฮ่า ฮ่า นี่แหละความงามของ Elliot Wave .."ก็อย่างที่บอก ความรู้มันมีไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม ไหนๆ ทฤษฎีนี้ก็มีคนพูดถึงเยอะ ถ้าคุณไม่รู้เรื่องเดี๋ยวจะดูเชย ไร้การศึกษาไป!!
ภาววิทย์ : โห!!ป๋าหยง นี่เหน็บแรง นะเนี่ย!! โอเค ..ป๋าสอนผมคร่าวๆซิว่า Elliot Wave นับอย่างไร
ป๋าหยง : เอานี่เลย SET ดูที่กราฟ
อย่างกราฟนี้ SET ..คือ Elliot Wave จะแบ่งออกเป็น "ขาขึ้น" Wave 1/2/3/4/5 จากนั้นก็ "ขาลง" Wave a/b/c
(อธิบายง่ายๆคือ Wave 1 คือหุ้นขึ้น จากนั้น Wave 2 ก็คือ correction จาก Wave 1 "ถ้าใครอยากหาประมาณการก็ลาก Fibo ดูว่า Wave 2 จะปรับฐานลงมาเท่าไหร่ก่อนจะขึ้นต่อ)
Wave 3 เป็น Wave ที่ขึ้นต่อไป (ซึ่งหลักๆ Trader จะชอบ Wave นี้เพราะรู้ว่า ยังไงถ้าเล่น Wave นี้..หากพลาดก็ไม่ติดดอย เพราะมันจะย่อลงมาที่ Wave 4 ...จากนั้นก็จะไปจบที่ Wave 5 "ซึ่งคือจุดสูงสุดของขาขึ้น"
จากนั้นในขาลง ..ลงครั้งแรกก็คือ Wave a แล้วหุ้นก็จะปรับตัวเด้งขึ้นไปเป็น Wave b และก็ไปจบที่จุดต่ำสุดของทั้งรอบนั่นคือ Wave C
ภาววิทย์ : ทำไมมันฟังดูง่ายอย่างงั้น "แล้วจะดูยังไงล่ะ"
ป๋าหยง : ก็อย่าไป serious อะไรมาก ..เริ่มต้นคุณหา Wave 5 ให้เจอ(จุดสูงสุด) อย่างในกราฟก็ปี 1994 ที่ 1,700 จุดนั่นแหละ Wave 5 "จบขาขึ้นของตลาดหลักทรัพย์ไทย" หลังจากนั้นก็ลงมาตลอด และมาจบ Wave c ที่ 200 จุด (ไอ้วิกฤตต้มยำกุ้งนั่นแหละ) ...แค่รู้ว่าจุดไหน Wave 5 และจุดไหน Wave c --แค่นี้ก็ Happy แล้ว"...จากนั้นจะเป็นยังไงต่อ ก็แล้วแต่คุณจะนับ แต่พูดง่ายๆว่า คุณเห็นภาพรวมของตลาดเหมือนที่ผมเห็นแล้วใช่ไหม"
ภาววิทย์ : โห!! เทพมาก คือสรุปว่า ถ้าเรารู้จุดสูงสุด และต่ำสุด เราก็พอจะรู้ว่า ณ เวลานี้ตลาดแพงหรือยัง ..ถ้าเริ่มนับจากตอนนี้ก็เริ่มนับขึ้น Wave 1 แล้วมาลง Wave 2 ช่วงปี 2008 "นั่นหมายความว่านี่คือ Wave 3" ถูกต้องไหมป๋า!!
ป๋าหยง : "ก็อย่างที่บอกแหละ ไม่มีใครรู้" แต่คุณสังเกตไหมว่า ไม่ว่าตอนนี้มันจะเป็น Wave 3 หรือมันจะเป็น Wave 1 ใหม่ (แบบที่หลายๆคนนับ) มันก็ไม่ใช่สาระ --"สาระสำคัญก็คือ คุณเห็นไหมว่าไม่ว่า Wave 1 หรือ 3 ยังไงก็แปลว่า "ตลาดหุ้นเรายังจะขึ้นไปอีกมาก" (นี่และประโยชน์ของการนับ Wave คือมันช่วยสร้างภาพให้เราเห็นได้ว่า ณ ตอนนี้เรากำลังอยู่ตรงจุดไหนนั่นเอง)
ภาววิทย์ : เยื่ยม!! งั้นผมจะไปเก็บหุ้นเพิ่มก่อน
ป๋าหยง : แต่!! อย่าเหลิง ..เพราะไม่ว่าตอนนี้จะนับเป็น Wave 1 หรือ 3 -- มันก็ยังต้องมี correction ที่ Wave 2 หรือ Wave 4 อยู่ดี "ดังนั้น ถึงรู้และเห็นภาพใหญ่ คุณก็ยังคงต้องระวังอยู่ดี"
และนี่และ Elliot Wave เครื่องมือที่ทำให้คุณรู้ว่า "ตลาดไม่ได้ขึ้นแบบจรวด มันจะขึ้นและก็มี Correction อยู่ตลอดเวลา" ---- เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะคนที่ซื้อต่ำ เขาก็ย่อมทำกำไรเป็นระยะนั่นเอง มันถึงเกิดเป็น Wave ต่างๆยังไงล่ะ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ชื่อย่อ และ ภาพใหญ่ ของราคา Commodity
Port จำลองนำ้ตาล (คลิ๊กดูได้ที่นี่ครับ) ตอนนี้เพิ่ง Trade ไป 1 ไม้จึงยังไม่มี History(Target 60%)
(Link) Port ที่กำลังจะดูเรื่อง "ทอง"
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remember?)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น